วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ครั้งแรก ทักษิณเปิดปากผ่านTheStraitsTimes พูดถึงมุสลิมภาคใต้ ยอมรับผิดพลาด

สำนักข่าวมุสลิมไทย ครั้งแรก ทักษิณเปิดปากผ่านTheStraitsTimes พูดถึงมุสลิมภาคใต้ ยอมรับผิดพลาด

สเตรทไทมส์ เปิดใจ “ทักษิณ”: กฎหมายหมิ่นทำให้สถาบันฯเสื่อม

โดย นิรมล โฆษ (Nirmal Gosh) ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เสตรทไทมส์

ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์นสพ.เสตรทไทมส์ มั่นใจชนะการเลือกตั้งอย่างสง่างาม มุ่งอยากกลับประเทศเพื่อแก้ไขความบอบช้ำ ขอโอกาสเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ชี้ทหาร “พารานอย”มากเกินไป

29 พ.ค. 54 – อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่ ประเทศดูไบว่า ความพยายามของรัฐบาลประชาธิปัตย์ในการสร้างแผนการปรองดองนั้นล้มเหลว และทำให้ประเทศแตกแยกมากขึ้น ขณะนี้จึงเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยในการสร้างการปรองดองในชาติ และหวังว่าตนเองจะสามารถกลับประเทศไทยได้ เพื่อแก้ไขบาดแผลทางการเมืองของประเทศในช่วงห้าปีที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่าจะกลับมาไม่ได้ ตนก็ยังอยากให้ประเทศไทยกลับสู่สภาวะปรกติ

“ความปรกติในความหมายของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นคนล่ะความหมาย เขาพยายามจะปรองดองมา 2 ปีครึ่งแล้ว แต่ก็ล้มเหลว ซ้ำยังทำให้ประเทศแตกแยกมากขึ้น เป็นคราวของเราแล้วที่จะต้องสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น” อดีตนายกกล่าว

ในระหว่างการสัมภาษณ์ที่ยาว 1 ชั่วโมง เขายอมรับว่าการกระทำที่รุนแรงต่อชาวมาเลย์มุสลิมในภาคใต้สมัยที่เขาเป็น นายกถือเป็นความผิดพลาด และกล่าวว่าการเป็นตำรวจนั้นทำให้ตนถูกสอนมาว่าต้องใช้ทั้งกำปั้นเหล็กและ ถุงมือกำมะหยี่ ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้กำปั้นเหล็กมากไป และเสียใจในสิ่งที่เคยทำ ทั้งนี้ ในอนาคตจะต้องเปลี่ยนแปลงไป

เขายังเสริมว่า พรรคเพื่อไทยจะรื้อฟื้นข้อตกลงกรณีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตรบริเวณใกล้กับเขาพระวิหารเพื่อพิจารณาถอนข้อตกลงดังกล่าว “เราควรมีการพูดคุยกัน ไม่ใช่เอะอะๆก็ส่งทหารเข้าไป ถ้าคุณมายิงใส่เพื่อนบ้านตัวเอง แล้วจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบได้ยังไง ถ้าคุณใหญ่กว่าหรือรวยกว่า คุณก็ควรมีจิตใจที่ดีและเมตตาต่อคนที่จนกว่าและตัวเล็กกว่า” ทักษิณกล่าว

ถึงแม้จะมีการวิเคราะห์ว่าผลของการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมจะค่อนข้าง สูสี โดยโพลล์สำรวจความคิดเห็นได้เผยว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะอย่างฉิวเฉียด แต่ทักษิณค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อไทยน่าจะชนะได้อย่างชัดเจน และเผยว่าตนเองได้ติดตามการหาเสียงในไทยอยู่ทุกวันและวางแผนยุทธศาสตร์การ เลือกตั้งอยู่เสมอ โดยดำเนินการจากบ้านหรูหราขนาดห้องนอน 7 ห้องในย่านหรูที่ดูไบ หรือบางทีก็จากเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และรับข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆจากนักการเมืองในประเทศไทย พร้อมกับปราศรัยผ่านทางโทรศัพท์ หรือ “โฟนอิน” ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงและการปราศรัยของเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังพูดคุยทางโทรศัพท์จากกลุ่มฐานเสียงต่างๆด้วย


“ถึงเวลาที่เราจะต้องยึดมั่นในหลักการว่าเราเคารพในความคิดของประชาชน ...ถ้าคุณเรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย คุณก็ต้องเคารพเจตจำนงของประชาชน แล้วสิ่งต่างๆก็จะดำเนินไปต่อได้เอง ผมไม่สนใจว่าใครจะว่าอะไร ไม่สนใจว่าผมจะได้กลับบ้านหรือไม่ ผมสนใจแค่ว่าเมื่อไหร่ที่ประเทศจะกลับสู่สภาวะปรกติได้เสียที”

เมื่อผู้สื่อข่าวเสตรทไทมส์ถามว่า คิดว่าเสถียรภาพหลังการเลือกตั้งของประเทศไทยจะขึ้นอยู่กับการเจรจามากแค่ ไหน เขาตอบว่า “ไม่มีอะไรดีไปกว่าการสานเสวนาอีกแล้ว”

เขากล่าวว่ามีบางก๊กบางฝ่ายติดต่อเข้ามาหาเขาหลังจากหมดอำนาจ เขาจึงให้ยิ่งลักษณ์เป็นตัวแทนในการเจรจาพูดคุย “ผมไม่ไว้ใจนักการเมืองคนไหนๆหรอก เพราะไม่มีความลับในหมู่นักการเมือง ผมจึงให้เธอเป็นคนไปพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ และทำงานในพื้นที่เยอะๆ ตอนนี้อยากเห็นประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดอยู่ในสภาพเดิมๆ”

ว่าด้วยทหารกับการเมือง

“พวกทหารเกิดอาการวิตกจริตกันใหญ่เพราะมีข่าวว่าผมจะเปลี่ยนประเทศไทยให้ เป็นสาธารณรัฐ และตั้งตนเป็นประธานาธิบดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เมื่อคุณกลายเป็นผู้นำ คุณก็ต้องเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆที่เป็นปัญหาเรื้อรังได้ และพอเมื่อคุณเข้มแข็งปุ๊บ ก็มีคนบอกว่าผมอยากเป็นประธานาธิบดี ซึ่งไร้สาระมาก และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงให้มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิง เขาจะได้ไม่ต้องคิดว่าผู้หญิงจะสามารถทำอะไรเช่นนั้น”

ว่าด้วยนโยบายพรรค
“ก็มีความเหมือนและความต่างอยู่บ้าง เมื่อคุณเห็นคนกำลังกินปลา ไม่ว่าจะจากเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ ปลาเหล่านั้นก็ดูเหมือนกัน แต่ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์แจกแต่ปลา แต่เราจะให้เบ็ดตกปลา และให้ประชาชนได้ตกปลาเองกินเอง และมีปลาจากทั้งแม่น้ำเอาไว้กินได้

ถ้าคุณดูการบริหารประเทศของพรรคประชาธิปัตย์ เขาต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ของผมคือความสุขของประชาชนต้องมาก่อน และผลประโยชน์ทางการเมืองก็จะเป็นผลจากการที่พี่น้องประชาชนมีความสุข”

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ “ทำให้เสื่อม”
ต่อประเด็นการฟ้องร้องและดำเนินคดีบุคคลจำนวนมากในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุ ภาพทักษิณกล่าวว่า “ทำให้สิ่งที่แย่อยู่แล้วเสื่อมลงไปอีก...หากว่าคุณเคารพและจงรักภักดีต่อ พระมหากษัตริย์ ต้องหยุดการแสดงความจงรักภักดีด้วยวิธีโง่ๆเช่นนี้”

และเมื่อถามว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่กับการรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เขาตอบว่า “ก็ถ้ามีอยู่แล้วไม่ได้ใช้แบบไม่จำเป็นล่ะก็...” ซึ่งสื่อว่าก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าใดนัก และยังเสริมว่า “ยิ่งคุณดำเนินคดีกับคนในข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากขึ้นเท่าใด ประชาคมนานาชาติและองค์กรสิทธิมนุษยชนก็จะเรียกร้องให้มีการยกเลิก(กฎหมาย นี้)มากขึ้นเท่านั้น”

เขาย้อนไปถึงสมัยที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาเล่าว่าเคยเกือบให้มีการจับกุมผู้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์คนหนึ่ง และในการเข้าเฝ้ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งก่อน พระมหากษัตริย์ทรงตรัสว่า “ไม่อยากให้ใช้กฎหมายตัวนี้พร่ำเพรื่อ” อดีตนายกผู้ลี้ภัยสะท้อนว่า “ผู้ที่พยายามจะแสดงออกว่าเขาจงรักภักดีต่อกษัตริย์มากๆ และประกาศว่าจะเล่นงานคนที่แตะต้องสถาบันกษัตริย์นั้น เป็นการทำให้สิ่งที่แย่อยู่แล้วแย่ยิ่งขึ้น”

ต่อกรณีที่กองทัพบกได้เป็นผู้ยื่นฟ้องในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายล่าสุดนั้น ทักษิณกล่าวว่า ทหารมีหน้าที่หลักๆสองอย่าง อย่างแรกคือปกป้องอธิปไตยของชาติ อย่างที่สองคือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพต้องการแสดงความจงรักภักดีของตนเองโดยแสดงออกชัดแจ้งเกินไป ตนคิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นผลเสียต่อกองทัพและไม่ดีต่อสถาบันกษัตริย์เองด้วย

ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์เสตรทไทมส์ ฉบับวัันที่ 28 พฤษภาคม 2554

ที่มา ประชาไท

วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

2022 Jerman Bebas Nuklir



Senin, 30/05/2011

Kanselir Jerman Angela Merkel memutuskan Senin bahwa semua reaktor nuklir di negaranya Jerman ditutup pada tahun 2022.

Menteri Lingkungan Hidup Jerman Norbert Roettgen juga mengatakan bahwa tujuh reaktor nuklir yang sudah tua, segera akan ditutup, menyusul bencana nuklir yang terjadi di Jepang di bulan Maret yang lalu. Selain itu, Jerman juga akan menutup tiga dari reaktor Jerman terbaru ditutup tahun 2021, kata Roettgen. Sementara itu, sisanya akan ditutup setahun kemudian, tambahnya.

Roettgen mengatakan bahwa sengketa pajak yang nilainya mencapai 2,3 miliar euro, terkait bahan bakar batang nuklir tidak akan dihapus.

Pengumuman ini dibuat setelah negosiasi yang memakan waktu panjang antara pihak yang terkait dengan pengelola reaktor nuklir. Tapi keputusan itu masih bisa menghadapi penolakan yang kuat dari perusahaan-perusahaan pembuat reaktor nuklir. "Pasti itu akhir terhadap tiga pembangkit listrik tenaga nuklir yang baru, yang akan berakhir tahun 2022," kata Roettgen setelah pertemuan.

Pada tahun 2010, Merkel telah mendorong memperpanjang penggunaan 17 negara reaktor, yang dijadwalkan ditutup pada tahun 2036, tapi Merkel benar-benar merubah kebijakannya sesudah terjadi bencana nuklir Jepang.

Merkel mendapatkan dukungan kalangan partai Hijau dan kelompok lingkungan, tapi mendapatkan cemoohan dari oposisi dan daru partainya sendiri. Puluhan ribu orang berdemonstrasi menentang energi nuklir pada akhir pekan lalu di seluruh Jerman.

Kebijakan nuklir diperdebatkan di Jerman, dan isu itu membantu meningkatkan Partai Hijau, yang memenangkan salah satu negara bagian dari kubu CDU yaitu, Baden-Wuerttemberg, dalam pemungutan suara bulan Maret.

Mayoritas di Bundesrat yang mendukung Merkel, dimana negara-negara yang diwakili, menarik dukungan setelah CDU gagal memegang negara terpadat Rhine-Westphalia Utara. Kehilangan Baden-Wuerttemberg, suara diselenggarakan di bawah bayang-bayang krisis nuklir Fukushima, yang menjadi pukulan pemerintah Merkel.

Operator RWE terbesar di Jerman telah menyarankan mengakhiri semuanya tenaga nuklir pada tahun 2025, dan mengisyaratkan oposisi terhadap keputusan itu. Seorang juru bicara perusahaan mengatakan perusahaan itu akan tetap melakukan "semua pilihan hukum", ucapnya.

"Akhir (tenaga nuklir di Jerman) pada tahun 2022 bukanlah tanggal yang kami harapkan," kata juru bicara, menolak untuk mengomentari pengaruh keputusan terhadap pendapatan perusahaan. (mh/hrtz)

ข่าว ต่างประเทศ : เยอรมนีเลิกใช้พลังงานนุกปี65

31 พฤษภาคม 2554 - 00:00

เยอรมนีกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ชาติแรก ที่ประกาศแผนยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์ ภายหลังศึกษาบทเรียนโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะในญี่ปุ่น ที่เกิดวิกฤติสารกัมมันตรังสีเพราะภัยพิบัติ รัฐบาลผสมตั้งเป้าภายในปี 2565 ปิดโรงปฏิกรณ์เกลี้ยงทั้ง 17 แห่ง
"หลังจากหารือกันยาวนาน พรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ข้อตกลงร่วมกันแล้วว่าจะยุติการใช้พลังงานนิวเคลียร์" นอร์เบิร์ต เริตต์เกิน รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม แถลงเมื่อเช้าวันจันทร์ ภายหลังตัวแทนพรรครัฐบาลผสมกลาง-ขวาของเยอรมนี ได้ร่วมปรึกษาหารือกันนานหลายชั่วโมง ที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีของนางอังเกลา แมร์เคิล โดยเขายืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีความชัดเจน เด็ดขาด และเห็นพ้องต้องกันทุกฝ่าย
เยอรมนีมีโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งสิ้น 17 โรงทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันเตาปฏิกรณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เก่าแก่ที่สุด 8 หน่วยได้ยุติการผลิตกระแสไฟฟ้าไปแล้ว ในจำนวนนี้ 7 โรงถูกสั่งปิดชั่วคราวนาน 3 เดือน ระหว่างรอการตรวจสอบความปลอดภัย สืบเนื่องจากความหวั่นวิตกภายหลังภัยพิบัติในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม ที่สร้างความเสียหายต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ ส่วนโรงที่ 8 ซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศนั้น มีปัญหารุมเร้าทางเทคนิคและทำให้ถูกปิดใช้งานมานานหลายปี ตามแผนนั้นรัฐบาลต้องการให้ปิดโรงไฟฟ้าทั้ง 8 โรงนี้ต่อไปอย่างถาวร
โรงไฟฟ้าอีก 6 แห่ง ถูกกำหนดให้ปิดการผลิตภายในปี 2564 ที่เหลืออีก 3 โรงซึ่งสร้างใหม่สุด จะผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไปจนถึงปลายปี 2565 โดยเริตต์เกินกล่าวว่า เพื่อเป็นกันชนด้านความปลอดภัย ป้องกันการขาดแคลนพลังงาน
การตัดสินใจของรัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคคริสเตียนเดโมแครตของแมร์เคิลครั้งนี้ ทำให้เยอรมนีกลายเป็นมหาอำนาจอุตสาหกรรมชาติแรกที่ประกาศแผนล้มเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง แต่แผนนี้ยังต้องรอความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคาดว่าไม่น่ามีปัญหา เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านทั้งโซเชียลเดโมแครตและพรรคกรีน ต่างก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องวางแผนจัดหาพลังงานทางเลือกจากแหล่งอื่นๆ มาทดแทนพลังงานไฟฟ้าที่เคยได้จากโรงนิวเคลียร์ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 23 โดยความกังวลว่าอาจเกิดการขาดแคลนไฟฟ้าได้ ทำให้นักการเมืองบางรายเสนอให้รัฐบาลสงวนอนุมาตราที่อนุญาตให้ทบทวนแผนนี้ได้ในอนาคต แต่เริตต์เกินยืนยันว่า ที่ประชุมเห็นพ้องว่าจะไม่มีการทบทวนใหม่แน่นอน เขารับประกันด้วยว่า เยอรมนีจะไม่ประสบปัญหาขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า
การตัดสินใจของรัฐบาลผสมครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นไปตามคำแนะนำของ "คณะกรรมการจริยธรรม" ที่แมร์เคิลแต่งตั้งมาศึกษาแผนรองรับด้านพลังงาน ภายหลังเกิดวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการกลับลำอีกครั้งของรัฐบาลผสมชุดนี้ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและทำให้พรรครัฐบาลพ่ายการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อเดือนมีนาคมในเขตสำคัญๆ
ทั้งนี้ ช่วงปลายปี 2553 นางแมร์เคิลเคยตัดสินใจยืดอายุการใช้งานโรงปฏิกรณ์ทั้ง 17 โรงออกไปเฉลี่ยราว 12 ปี หรือถึงกลางทศวรรษปี 2030 ซึ่งแผนนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แม้กระทั่งก่อนเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ถล่มญี่ปุ่น และทำให้นางต้องทบทวนนโยบายด้านพลังงาน.

ข่าวต่างประเทศ : โพลชี้คนญี่ปุ่น70%ซัด'คัง'สอบตก

31 พฤษภาคม 2554

ผลสำรวจชี้ชาวญี่ปุ่น 70% อยากเปลี่ยนผู้นำใหม่ แทนที่นายกฯ นาโอโตะ คัง และกว่าครึ่งต้องการให้เขาทำงานต่อจนกว่าจะแก้ไขวิกฤติได้เรียบร้อย
คัง ผู้มีคะแนนนิยมตกต่ำกว่า 30% กำลังพยายามแก้ไขวิกฤตินิวเคลียร์ ณ โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ รวมทั้งหาเงินทุนมาเพื่อก่อสร้างระบบต่างๆ ฟื้นฟูความเสียหาย จากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วยังต้องปฏิรูประบบภาษีและสวัสดิการ เพื่อควบคุมหนี้สาธารณะจำนวน 2 เท่าของจีดีพี
พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (แอลดีพี) ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภา ประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า จะทำการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อกดดันให้คังลาออก หรือยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ส.ส.แกนนำพรรคแอลดีพีระบุว่า อาจมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า โดยพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคให้การสนับสนุนการยื่นอภิปราย ยกเว้นพรรคสังคมประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแอลดีพีจะสามารถเอาชนะจำนวน ส.ส.ของพรรคประชาธิปไตย (ดีพีเจ) ของคังได้ นอกจาก ส.ส.จำนวน 70 จากทั้งหมด 305 ที่นั่งของพรรคดีพีเจ จะแปรพรรคมาร่วมฝ่ายค้านแทน
นักวิเคราะห์มองว่า พรรคแอลดีพีไม่ได้ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนรัฐบาลในทันที ศาสตราจารย์โคอิจิ นาคาโนะ แห่งมหาวิทยาลัยโซเฟีย ชี้ว่า นี่เป็นเพียงความพยายามจู่โจมพรรคดีพีเจ แล้วหวังว่าจะเกิดกระแสความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นมาเท่านั้น
ผลสำรวจความคิดเห็นโดยหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจ นิกเคอิ ชี้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 70% ต้องการเปลี่ยนนายกฯ แต่กว่า 49% ยังต้องการให้คังอยู่ในตำแหน่ง จนกว่าเขาจะสามารถแก้ไขวิกฤตินิวเคลียร์ ดำเนินการฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาอาจต้องใช้เวลานาน และผู้เชี่ยวชาญต่างไม่ไว้ใจว่า บริษัทเทปโกจะมีศักยภาพมากพอแก้ไขปัญหาได้ทันเดือนมกราคมปีหน้า
โพลล์สำรวจความคิดอีกชิ้นหนึ่ง จัดทำโดยเครือโทรทัศน์ฟูจิ ชี้ว่าผู้ตอบแบบสำรวจ 85% มองว่าเทปโกรับมือวิฤติโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะได้แย่มาก และผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 81% ไม่ไว้ใจข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล และอีก 78% มองว่าคังไม่มีความเป็นผู้นำมากพอในการรับมือวิกฤติภัยพิบัติ.

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Utusan Obama untuk Konflik Israel-Palestina Mengundurkan Diri



Rabu, 18/05/2011

Setelah dua tahun bertugas sebagai utusan khusus pemerintahan Barack Obama untuk menyelesaikan konflik Israel-Palestina, George Mitchell mengundurkan diri.

Dalam surat pengunduran diri sepanjang dua paragraf yang dikirim ke Presiden Obama, Mitchell mengatakan bahwa ia memang sudah berniat untuk menerima tugas diplomatik itu selama dua tahun saja. "Saya sangat mendukung visi Anda tentang perdamaian yang komprehensif di Timur Tengah, dan saya berterima kasih telah diberi kesempatan untuk menjadi bagian dari pemerintahan Anda," tulis Mitchell pada Obama, dalam suratnya.

Presiden Obama menyatakan menerima pengunduran diplomat AS yang sekarang berusia 77 tahun. Ia menyebut Mitchell sebagai mediator kawakan yang "tak kenal lelah untuk menciptakan perdamaian". Mitchell juga dikenal dengan kesuksesannya memediasi pertikaian antara kelompok Katolik dan Kristen di Irlandia Utara.

Pengunduran diri Mitchell berlaku efektif mulai tanggal 20 Mei lusa, bersamaan dengan jadwal kunjungan Perdana Menteri Israel Benjamin Netanyahu ke Gedung Putih. Menteri Luar Negeri AS Hillary Clinton sudah meminta David Hale, deputi utusan Timur Tengah, untuk menjalankan sementara tugas-tugas Mitchell sampai pejabat pemerintah menemukan pejabat yang pas untuk menggantikan posisi Mitchell.

Sejak penunjukkannya menjadi utusan pemerintahan Obama untuk Timur Tengah, Mitchell menghabiskan waktu dan tenaganya untuk melakukan pendekatan pada Israel, Palestinia dan negara-negara Arab lainnya, dalam upaya mencari jalan tengah konflik Israel-Palestina. Tapi beberapa bulan belakangan ini, seiring dengan maraknya gerakan revolusi rakyat di beberapa negara Arab, dan puncaknya adalah tumbangnya pemerintahan Husni Mubarak di Mesir, aktivitas Mitchell agak tersendat.

ทำงานนั่งโต๊ะนาน ๆ เสี่ยงมะเร็งลำไส้




ผู้คนนับล้านที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันตลอดเวลา 10 ปี มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ และนักวิจัยยังพบด้วยว่า แม้ไม่ได้ทำงานอยู่กับที่อย่างเดียว แต่ยังมีการไปออกกำลังกายหรือเข้าสปอร์ตคลับด้วย ความเสี่ยงนี้ก็ยังสูงขึ้น 2 เท่า

รายงานซึ่งตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology ชิ้นนี้ ได้ชี้ถึงอันตรายของการทำงานนั่งโต๊ะครั้งละนาน ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยนักวิจัยยังได้ยืนยันข้อค้นพบก่อนหน้านี้ที่ว่า ผู้ชายที่นั่งทำงานทั้งวันมีโอกาสเพิ่มขึ้น 30% ที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เมื่อเทียบกับคนที่ทำอาชีพซึ่งต้องเคลื่อนไหวไปโน่นมานี่

แต่ละปีในอังกฤษมีคนไข้มะเร็งลำไส้กว่า 37,500 ราย ซึ่งโรคนี้มีอัตราการเสียชีวิตสูง คือ ประมาณปีละ 16,000 ราย เพราะผู้คนจำนวนมากไม่ใส่ใจสัญญาณเตือนล่วงหน้า และไปหาหมอเมื่อมะเร็งได้ลุกลามแล้ว

ปัจจัยเสี่ยงอันดับต้น ๆ ของโรคนี้ คือ อาหารที่มีไขมันสูง เนื้อแดง และการไม่ออกกำลังกาย แต่ผลวิจัยล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย บอกว่า การนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานานในแต่ละวันก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญด้วย แม้แต่คนที่ได้ออกกำลังกายในยามว่าง

โดยผลการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ในสหรัฐยังพบว่า พวกผู้ใหญ่มักใช้เวลาราว 55% นั่งทำงานอยู่กับโต๊ะ ขณะที่นักวิจัยชาวออสเตรเลียได้ศึกษาคนไข้โรคมะเร็งลำไส้จำนวน 918 คน โดยเปรียบเทียบลักษณะการทำงานของคนเหล่านี้กับอาสาสมัครที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง 1,021 คน โดยสอบถามประวัติการทำงาน การใช้ชีวิต และการทำกิจกรรมต่าง ๆ พบว่า คนที่ทำงานนั่งโต๊ะเป็นเวลา 10 ปีขึ้นไปมีโอกาสสูงขึ้น 94% ที่จะเกิดเนื้องอกในบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งเชื่อมกับทวารหนัก นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบด้วยว่า การทำงานอยู่กับที่ในช่วงเวลา 10 ปี เพิ่มโอกาสของการเป็นมะเร็งทวารหนัก 44%

ผู้ศึกษาบอกว่า การทำกิจกรรมยามว่างไม่สามารถป้องกันอันตรายของการทำงานนั่งโต๊ะเป็นเวลานานได้
การนั่งทำงานนาน ๆ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น และส่งผลเสียต่อการผลิตอินซูลิน ทั้งสองปัจจัยนี้ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้และการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของเนื้องอก

ด้าน พญ.แคลร์ ไนต์ แห่งศูนย์ศึกษามะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร บอกว่า ผลวิจัยนี้ยืนยันข้อค้นพบก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการขาดกิจกรรมทางกายภาพกับมะเร็ง แต่งานวิจัยนี้จำเป็นต้องทำซ้ำโดยใช้กลุ่มตัวอย่างให้มากขึ้น เพื่อความน่าเชื่อถือของผลวิจัย

อย่างไรก็ดี คุณหมอบอกว่าการออกกำลังกายแม้เพียงเล็กน้อยก็เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ยิ่งออกกำลังกายมากก็ยิ่งช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อมะเร็ง และช่วยควบคุมน้ำหนักตัว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งได้หลายชนิด

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Gaddafi: Serangan NATO Tidak Bisa Membunuh Saya



Sabtu, 14/05/2011
Muammar Gaddafi kembali membuat kejutan. Beberapa saat setelah pernyataan sepihak menlu Italia yang menegaskan jika Gaddafi telah meninggalkan Tripoli dan kemungkinan terluka karena serangan NATO, tiba-tiba Gaddafi "muncul" di stasiun televisi pemerintahannya.

Gaddafi muncul dalam rekaman suara dan disiarkan oleh televisi pemerintah Libya pada Jum'at (13/5) kemarin. Dalam rekaman tersebut, Gaddafi mengatakan jika dirinya baik-baik saja dan masih tetap berada di Libya. Namun, ia berada di tempat yang tidak bisa dicapai oleh siapa pun.

"Saya katakan kepada para pengecut, jika saya masih berada di negara saya, di sebuah tempat yang kalian tidak akan mungkin kalian bisa mencapainya!" kata Gaddafi dalam rekaman suara tersebut.

Sebelumnya, pihak Italia menyatakan jika Gaddafi telah meninggalkan Tripoli atau bisa jadi terluka parah pasca penyerangan militer NATO beberapa hari lalu.

Ditegaskan oleh Gaddafi, pihak revolusioner atau pun NATO tidak akan bisa membunuhnya. "Jikalau kalian mampu membunuh jasadku, maka kalian tidak akan pernah membunuh jiwaku, ruhku, yang senantiasa hidup di hati jutaan rakyatku," tambah Gaddafi.